ไหนนนน บ้านไหนชอบได้ยินว่า ไม่ต้องซื้อคาร์ซีทหรอก ไม่ต้องเตรียมหรอก ค่อยๆ ขับ ระวังๆ ก็ไม่เป็นไรแล้ว
บ้านนี้ขอยกมือ เป็นลำดับแรกๆ เลยค่ะ ซึ่งเอาจริงๆ เนี่ย ตอนแรกก่อนมีน้อง ตัวเองก็เฉยๆ นะ ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งวันที่มีน้องต๊าตต์ และเริ่มวางแผนการเตรียมซื้อของให้เค้า
วันแรกที่แม่เริ่มเกริ่นเรื่องว่าจะซื้อ Carseat
ด้วยความที่เราเป็นแม่สายอ่านหาข้อมูลวิเคราะห์ ถามแฟนเพจ พูดคุยกับแม่ๆ คนอื่นๆ ทำให้เรารู้ว่า carseat เนี่ยเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดในการเตรียมก่อนคลอดเลย เพราะหลังจากน้องออกจาก รพ. แล้วจะต้องมีพร้อม
หลายคนอาจจะรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ราคาสูง แลดูสิ้นเปลืองมากๆ ซึ่งตอนแรกเนี่ย ทางบ้านตูนน์ก็มีคิดแบบนั้นเหมือนกันนะ มักจะเริ่มจากคำที่ว่า “สมัยเราเด็กๆ ยังไม่ต้องใช้เลย” แต่เราพยายามอธิบายให้เค้าฟังถึงเหตุ และผล พร้อมกับยกตัวอย่างเหตุการณ์ต่างๆ ให้เค้าได้ฟัง … ต้องบอกเลยว่าเรื่องนี้ต้องค่อยๆ อธิบายกันให้เข้าใจค่า
สำหรับตูนน์แล้ว Carseat คล้ายๆ ซื้อประกัน เอาจริงๆ ไม่มีใครอยากต้องใช้ประกันหรอก แต่มันคือการซื้อความปลอดภัย และเมื่อเกิดเหตุขึ้น เราก็มั่นใจว่าลูกเราจะปลอดภัย
tuniez
ในเมืองนอก หลายๆ ที่ถือว่า Carseat นี่เป็น สิ่งที่ต้องมาเพื่อ รับเด็กออกจากรพ. เลย ถ้าไม่มีเนี่ย บางที่เค้าไม่ให้น้องออกเลย ซึ่งในประเทศไทยยังไม่สามารถมีกฏหมายบังคับ แต่ว่าหลายครั้งหลายหนที่เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ซึ่งเราไม่อยากให้มันเกิด ถึงแม้ว่าเราจะระมัดระวังแค่ไหน แต่เรื่องอุบัติเหตุ ก็ยากที่จะห้ามไม่เกิดขึ้นได้ อาจจะไม่ได้เกิดเพราะเรา แต่เกิดเพราะคนร่วมถนน
แล้ว Carseat เนี่ย ต้องเลือกยังไง?
สำหรับ Carseat ควรเลือกที่ได้รับมาตรฐาน และที่สำคัญคือ “ตอบโจทย์” ของเราให้มากที่สุด ทั้งเรื่องราคา วัสดุ และอายุการใช้งาน บางอันมีโหมดมาก วัสดุลายหรูหรา options เสริมเยอะ ก็อาจจะหลายหมื่นบาท บางอันเน้นการใช้งานง่าย ใช้ได้นาน แต่ราคาไม่แพงก็มี
อ่ะ ยกตัวอย่างของบ้านตูนน์ จะเลือกงบไว้ในใจก่อน คือซัก 9000 – 15000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่พอรับไหว เพราะเท่าที่ดูหลายๆ ยี่ห้อ เฉลี่ยๆ ก็จะอยู่ประมาณนี้ (ซึ่งแน่นอนแพงกว่านี้ก็มี ถูกกว่านี้ก็มี) จากนั้นก็จะเลือกเป็นช่วงอายุใช้งาน คือต้องใช้ได้เกิน 4 ขวบขึ้นไป
ทีนี้พอเราเริ่มศึกษาไป มันก็จะเจอว่า มันมีแบบ Belt กับ Isofix ซึ่งรถสมัยใหม่จะมี isofix เกือบทุกคันอยู่แล้ว แต่รถรุ่นเก่าหน่อยจะต้องติดตั้งแบบ belt เท่านั้น (มีรายละเอียดข้อดีข้อเสียของ 2 ระบบนี้ที่อ่านศึกษามา แต่เอาไว้มีคนถามค่อยบอกแล้วกัน)
ตูนน์เลือกแบบ Belt เพราะ พอดีที่บ้านมีรถหลายคัน ช่วงแรกต้องไปอยู่บ้านตายาย เลยคิดว่าติดตั้งแบบ Belt จะไม่ยุ่งยากมาก (แต่สำคัญมากๆ คือต้องติดตั้งให้ถูกวิธีนะคะ) คราวนี้ก็ได้สิ่งที่ต้องการคร่าวๆ แล้วก็เริ่มหา สรุปก็มาเจอแบรนด์ Prince & Princess เป็น ซึ่งตอบโจทย์ทุกอย่างที่วางไว้ เพิ่มเติมตรงที่
- ใช้ได้ถึง 7 ขวบ
- เบาะนั่งแรกเกิดมี cushion แบบ ออร์แกนิค
- มีหมอนสำหรับประคองคอเด็กแรกเกิด ออกแบบเหมือนแขนแม่โอบตัว
ก็เลยคุยกับคุณพ่อว่า เอาอันนี้ดีมั้ย ราคาไม่แพงด้วย ใช้ได้นาน พ่อก็เลยอนุมัติ แม่ตูนน์ก็เลยติดต่อร้าน http://www.babygiftretail.com/
เพื่อสั่งจองไป (จริงๆ จะไปเอาที่งานพวก BBB ช่วง7-8 เดือนแต่แบบ หนักพุงแม่ไปไม่ไหว เลยสั่งทางเว็ปเอา (ราคากับโปรโมชั่นก็ลองคุยกับร้านดู แต่ราคาเต็มคือ 15900 ลดเหลือ 12900 จ้า ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า ราคาไม่แพงมาก เทียบกับ Spec อายุการใช้งานที่รองรับ
ขอเพิ่มเติมจุดเด่นของแบรนด์ Prince & Princess ที่แม่เลือกนะคะเผื่อแม่ท่านอื่นจะนำไปเป็นข้อมูล
คาร์ซีท Prince&Princess รุ่น DUCLE Organic
ผ้าฝ้ายอินทรีย์ออแกนิค จากขั้นตอนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปลอดสารเคมี เนื้อผ้านุ่มสบายสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย Made in Korea รองรับมาตรฐาน ECE
- เรื่องความปลอดภัย คือผ่านมาตรฐานความปลอดภัยทั้งตัวคาร์ซีท และโรงงานที่ผลิต เชื่อถือได้ ตอบโจทย์ทุกอย่างที่วางไว้เลย
- เรื่องของเบาะนั่งแรกเกิดมี cushion แบบ ออร์แกนิค คือดีงามสำหรับเด็กแรกเกิดที่ผิวเค้าจะแพ้หรือระคายเคืองง่าย อันนี้แม่ชอบมาก
- สามารถนั่งได้จนถึง 7 ขวบเลย โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบการติดตั้งได้ 3 แบบ ซึ่งตอบโจทย์แม่กับพ่อสุดๆ แถมช่วยประหยัดงบ
สั่งแล้วนัดวันจัดส่งสะดวก สามารถติดตั้งเองได้ไม่ยาก (ตามคู่มือ หรือ Youtube สาธิตการติดตั้ง)
รอคุณพ่อเอาไปติดตั้งที่รถ
เป็น organic
หนูสต๊าตต์ วันนี้กลับบ้านแล้ว นั่งคาร์ซีทหลับสบายเลยคับ
สนใจคาร์ซีท Ducle Organic แบบ น้องสต๊าตต์ : Ducle Organic